7 เทคนิค การเลือกซื้อประกันสุขภาพอย่างไร?? “ให้คุ้มค่า..และครอบคลุมทุกโรค”

จะเลือกประกันสุขภาพทั้งทีต้องดูให้ดี…ทั้งแบบแผนประกันและเลือกซื้อถูกบริษัทฯ คุณพ่อแม่หลายๆท่านอาจคงไม่แน่ใจหรือไม่รู้จะเริ่มต้นอะไรก่อน ถ้าจะซื้อประกันให้กับลูกน้อย ในฐานะที่คุณแม่มีประสบการณ์การเป็นแม่ ที่สำคัญอยู่ในวงการประกันชีวิตมากว่า 7 ปี…ขอแชร์ในมุมของความเป็นแม่นะคะ จากประสบการณ์ที่มีน้องมาแล้ว ตอนนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว 11 ขวบ คุณแม่ได้ศึกษาหาข้อมูลก่อนเข้าสู่อาชีพนี้โดยเป็นลูกค้ามาก่อน สิ่งสำคัญในการซื้อประกันสุขภาพให้ได้เปรียบ คือ แผนสุขภาพที่ได้ (วงเงินค่ารักษาแต่ละหมวด ยิ่งสูงยิ่งดี) จะคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เราจ่าย ไม่ได้หมายความว่าเราดูเบี้ยถูกเป็นหลัก แต่ต้องดูว่าเราได้อะไรกลับมาเท่าไหร่ คุณแม่ขอยกตัวอย่าง แผนประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย (HS) เป็นหมวดต่างๆ ที่จ่ายตามจริง โดยไม่เกินวงเงินในแต่ละหมวดๆ

แผนแบบนี้เบี้ยจะไม่สูงมากและให้ค่าห้องสูง แต่วงเงินค่ารักษาจำกัดเป็นครั้ง เป็นโรค ไม่ได้เป็นแบบวงเงินสูงหลักล้านต่อปี ที่เรียกแบบประกันเหมาจ่าย ซึ่งจะมีวงเงินหลักแสนหรือหลักล้านในบางบริษัท ข้อดีคือเราจะไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา ข้อแตกต่างคือ จะได้วงเงินค่าห้องน้อย มีโอกาสที่จะจ่ายส่วนเกินเพิ่ม ถ้านอนแอดมิดใน รพ.ที่ค่าห้องสูง หรือนอนรักษาต่อเนื่องหลายๆ วัน และเบี้ยประกันในแบบนี้ก็จะสูง ราวๆ 4 – 5 หมื่น ขึ้นไป ต่อปี คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่าน ก็อาจจะรับราคาเบี้ยไม่ไหว หรือไม่ก็เสียดาย

คุณแม่ขอแนะนำเลือกเป็นแบบแยกค่าใช้จ่าย (HS) คุ้มกว่า เพราะเด็กส่วนใหญ่ มีโอกาสป่วยบ่อย แต่ป่วยไม่หนัก แผนนี้รองรับได้ทุกๆ หมวดค่าใช้จ่าย และเบี้ยไม่สูงจนเกินไป ราวๆ 2 หมื่นกลางๆ ต่อปี มีวงเงินค่ารักษา ที่รีเซ็ตให้ต่อโรค และโรคเดิมที่ไม่รักษาต่อเนื่องเกินกว่า 90 วัน คุณแม่มีวิธีการ เปรียบเทียบง่ายๆ ในหมวดค่ารักษาสำคัญหลัก ของแบบประกันแยกค่าใช้จ่าย (HS) ตามด้านล่างนี้เลยค่ะ

  1. เลือกหมวดค่าห้องให้สูงเข้าไว้ เพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายส่วนเกินในส่วนของค่าห้องเพราะเนื่องจากโรงพยาบาล ณ ปัจจุบัน คิดค่าห้อง รวม ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาลและโรงพยาบาล ไม่ต่ำกว่า 4500 บาท เลือกค่าห้อง ให้สูงกว่า 5000 ขึ้นไป มีโอกาสต้องจ่ายส่วนต่างในหมวดนี้ น้อยลง หรืออาจจะไม่มีส่วนต่างเลย ในบางโรงพยาบาล
  2. หมวดวงเงินค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ในแต่ละครั้งที่รับการรักษาหมวดนี้จำเป็นอย่างยิ่งเพราะต้องใช้ในการรักษาในเรื่องของ ค่ายา ค่าเอกซเรย์ ตรวจแลปต่างๆ รวมถึงยากลับบ้าน และยังอาจจะต้องมีไว้สำหรับการเข้ารักษาต่อเนื่องอีก 90 วัน เพราะต้องใช้งบเดิม ถ้ามีน้อยไป อาจจะหมดภายในครั้งเดียวที่แอดมิด ฉะนั้นในหมวดนี้ควรจะเปรียบเทียบและเอาวงเงินที่สูงที่สุด…คุ้มที่สุด นอนเป็นสัปดาห์ ก็ยังเอาอยู่ ป่วยซ้ำก็ยังมีงบดูแลต่อ
  3. หมวดค่าแพทย์ หรือคุณหมอเจ้าของไข้ ก็สำคัญ เดิมทีโรงพยาบาลคิดคุณหมอเยี่ยมเป็นวัน แต่ ณ ปัจจุบันหลายๆ รพ. คิดค่าคุณหมอที่เข้าเยี่ยมเป็นครั้ง หากเจอคุณหมอหลายครั้งก็มีโอกาสที่จะมีส่วนเกิน ซึ่งราคาค่าแพทย์ตอนนี้มี เริ่มตั้งแต่ 700 – 1500 ต่อครั้ง อย่าลืมนะคะว่าบริษัทประกันจ่ายเป็นวัน ถ้าไม่จำเป็นป้าหมอมาครั้งเดียวก็พอนะคะ
  4. วงเงินค่าหัตถการผ่าตัด และแพทย์วางยาสลบ อีกหมวดที่ต้องดูเผื่อไว้ หากต้องมีการผ่าตัด คุณพ่อคุณแม่อาจจะยังไม่ทราบว่าแผนประกันแบบนี้ จ่ายตามความยากง่ายของการผ่าตัด แต่ละอวัยวะ ไม่เท่ากัน จะเบิกได้ตามจริงไม่เงินเปอร์เซ็นต์ ที่มีอยู่ในเล่มกรมธรรม์ ซึ่งทุกบริษัทฯ จ่ายเปอร์เซ็นต์เท่ากัน แต่จะคูณกับวงเงินที่เราได้ ฉะนั้นวงเงินสูง ตัวคูณก็จะสูง นั้นหมายความว่า เราจะได้รับวงเงินค่าผ่าตัดสูงมากพอ ตามไปด้วย (รายละเอียดตัวแทนจะต้องอธิบายให้ทราบด้วยนะคะ) อย่าลืมที่จะถามตัวแทนนะคะ
  5. ยอดรวมวงเงินค่ารักษาที่จะเบิกได้ต่อครั้งต่อโรค ต้องให้สูงที่สุด เพราะนั้นหมายความว่าเราจะเบิกได้สูงถึงขีดสุดของวงเงินที่ได้หากต้องเคลมทุกช่องจริงๆ ในแต่ละโรค นั่งคือความคุ้มค่าที่สุดที่เราควรจะตัดสินใจเลือกแผนประกันนั้น
  6. ตัวแทน ข้อนี้สำคัญมากๆ เราคงไม่สามารถเลือกตัวแทนในพื้นที่ไกล้บ้าน เพราะอาจจะไม่เกิดประโยชน์อะไร สิ่งที่เราควรกังวลเรื่องการเคลมว่าจะง่ายหรือไม่ แล้วถ้าเกิดปัญหา ตัวแทนที่ให้บริการจะสามารถเข้ามาแก้ปัญหาให้เราได้ทันเวลา และจัดการปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ เคล็ดลับง่ายๆในการเลือกตัวแทนก็คือ ตอนที่เราจะตัดสินใจซื้อประกันตัวแทนคนไหนให้ข้อมูลชัดเจนและตอบปัญหาในสิ่งที่เรากังวลได้หรือไม่ ตอบแบบมืออาชีพหรือไม่ ยืนยันตัวตนได้ชัดเจน มีใบอนุญาตตรวจสอบได้ ถ้าครบคุณสมบัติเบื้องต้นนี้ เค้าก็เหมาะที่จะมาเป็นตัวแทนที่จะมาดูแลครอบครัวเรา (พ่อแม่น่าจะสัมผัสความรู้สึกได้)
  7. สุดท้ายเลย เลือกบริษัทให้ถูก บริษัทฯที่ มีความชัดเจน ตรงไปตรงมา เคลมง่าย เคลมไว ไม่ยุ่งยาก สามารถรับผิดชอบและดูแลเราอย่างต่อเนื่อง ไม่ทอดทิ้งลูกค้าและรักษาคำมั่นสัญญา และจะดูแลต่อเนื่องในแผนประกันสุขภาพที่ซื้อ ตามเงื่อไข ตลอดอายุสัญญาแห่งกรมธรรม์
  8. หวังว่าคุณพ่อคุณแม่จะมีข้อมูลเพียงพอ เพื่อประกอบในการเลือกซื้อ และตัดสินใจจะเลือกแผนประกันดี รวมถึงการเลือกตัวแทนวิชาชีพ บริษัทฯ ท่ีพร้อมจะให้บริการ มาดูแลครอบครัวของเรา เมื่อเกิดวิกฤต ต้องเจ็บป่วยนะคะ